เครนล้มทับวัดจำปา เสียหายกว่า 2 ล้านบาท ชาวบ้านเชื่อลบหลู่เมรุเป็นเหตุ ขณะที่คณะกรรมการวัดเผยว่า ผู้รับเหมารีบทำงานเกินไป ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้าน อ.ประโคนชัย ว่าเกิดเหตุรถเครนล้มทับศาลาการเปรียญของวัดจำปา ต.ประโคนชัย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ทำให้ศาลาการเปรียญได้รับความเสียหายอย่าางหนัก อยากจะให้เป็นอุทธาหรณ์ของผู้รับเหมา จากการตรวจสอบที่วัดพบว่าศาลาการเปรียญของวัด ได้รับความเสียหายหนัก คาดราวๆร้อยละ 70 ตัวเมรุได้รับความเสียหาย และพบรถเครนล้มลง ได้รับความเสียหายเช่นเดียวกัน
พระวิชัย กิติศาโร อายุ 60 ปี พระลูกวัดจำปา
เล่าว่า เจ้าอาวาสได้จ้างผู้รับเหมามาเปลี่ยนปล่องปล่อยควัน จากปูนมาเป็นสแตนเลส เพราะปล่องไฟใช้มานานกว่า 40 ปี ช่วงเกิดเหตุมีคณะกรรมการ มาเฝ้าดูระหว่างการยกเอาปล่องไฟเดิมออก ทันใดนั้นเครนได้ล้มลงเสียงดังสนั่น พระแต่ละรูปต่างวิ่งหนีตายกันอลหม่าน โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ขณะที่นางสมปอง ละประโคน อายุ 65 ปี แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว อยู่ข้างวัด เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุได้ยินเสียงดังสนั่น คิดว่าเกิดอุบัติเหตุรถชนกัน โดยเธอเล่าอีกด้วยว่าชาวบ้านเล่าต่อๆกันมาว่า ผู้รับเหมาลบหลู่เมรุ เพราะไม่มีการทำพิธีขอขมาก่อนจะทำการรื้อถอน เห็นเพียงจุดธูปดอกเดียว แล้วลงมือทำงาน สิ่งที่มองไม่เห็นไม่ควรจะลบหลู่ หรือทำแบบง่ายๆ เพราะแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน
ด้านนายมานพ คณะกรรมการวัดให้สัมภาษณ์ว่า ปล่องเมรุเดิม ก่อด้วยอิฐ และปูนมีทั้งความสูง และหนา กว้างประมาณ 2 เมตร ยาวกว่า 16 เมตร น้ำหนักกว่า 5 ตัน เจ้าอาวาสให้แบ่งตัดออกเป็น 3 ท่อน แล้วใช้เครนยกลงมาทีละท่อนเพื่อความปลอดภัย แต่ผู้รับเหมาเลือกตัดแล้วยกทีเดียว เหมือนต้องการให้งานเสร็จเร็ว แต่ลืมคำนึงถึงเครนว่าจะยกไหวหรือไม่ เท่าที่มองด้วยตาเปล่าเครนตัวเล็ก ส่วนมูลค่าความเสียหายตอนนี้ประมาณ 2 ล้านบาท ยังไม่ได้คุยกับผู้รับเหมาถึงรายละเอียดการรับผิดชอบหลังจากนี้ซึ่งต้องรอเจ้าอาวาส กลับมาจากต่างจังหวัดก่อน
ขณะที่สาวคนสนิทของผู้ตายเล่าว่า ผู้ตายเป็นอดีตวิศวกรที่ประเทศอังกฤษ หลังเกษียณก็เดินทางมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทย โดยตนอยู่กับผู้ตายมาประมาณ 4 ปีแล้ว ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณเกือบ 2 กิโลเมตร ซึ่งก่อนหน้านี้ประมาณ วันที่ 24 ธ.ค.65 ผู้ตายเดินทางกลับไปเยี่ยมญาติ ที่ประเทศอังกฤษ และเพิ่งจะกลับมาเมืองไทย เมื่อวันที่ 4 ม.ค.66 ได้เพียงแค่ 1 วันเท่านั้น
ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายบอกว่าจะออกไปดื่มกับกับเพื่อนชาวอังกฤษชื่อปีเตอร์ ที่ย่านซอยบัวขาว พัทยากลาง จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย จนมีคนมาแจ้งว่าผู้ตายถูกยิงเสียชีวิต พร้อมทั้งยืนยันว่า ก่อนหน้านี้ผู้ตายไม่เคยมีปัญหากับใคร และไม่เคยเล่าเรื่องทุกข์ใจอะไรให้ฟังมาก่อน อีกทั้งผู้ตายมีเพื่อนเยอะ จึงไม่ทราบว่า ทำไมถึงถูกยิงจนเสียชีวิต
ด้าน พ.ต.อ.จักรพันธุ์ กิตติสิริพรกุล รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เปิดเผยว่า เบื้องต้นตำรวจกำลังเร่งไล่ไทม์ไลน์เกิดเหตุของผู้ตายก่อนถูกยิงเสียชีวิต ส่วนปมสังหารในครั้งนี้ ยังไม่สามารถตอบได้ว่ามาจากเรื่องอะไร โดยจะเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดและสอบปากคำพยาน สั่งกำชับให้คลี่คลายคดีนี้ให้เร็วที่สุด
หมอยง ชี้ นักท่องเที่ยวจีน ไม่น่ากลัว หลังจีนเตรียมเปิดประเทศ
หมอยง ยกเหตุผล นักท่องเที่ยวจีน ไม่น่ากลัวกว่าชาติอื่น หลังจีนเตรียมเปิดประเทศ สายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ทุกแห่งในโลก ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กว่าด้วยจีนเปิดประเทศ 8 ม.ค. และได้สร้างความกังวลว่าจะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิดระลอกใหญ่หรือไม่ หากนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย
ในประเด็นนี้หมอยงกล่าวว่า ไม่ต้องกังวล นักท่องเที่ยวจีนไม่ได้น่ากลัวกว่าประเทศอื่น พร้อมยกเหตุผล 5 ข้อมาประกอบ โดยหมอยงกล่าวว่า “การรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ชาวจีน ไม่ได้น่ากลัวไปกว่า ยุโรปและอเมริกา ด้วยเหตุผลดังนี้
สายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศไทยขณะนี้เป็น โอมิครอน BA.2.75 ในระยะ 1 ปีที่ผ่านมาในช่วงโอมิครอน ประชากรไทยติดเชื้อไปแล้วประมาณ 70% หรือประมาณ 50 ล้านคน และการระบาดสายพันธุ์ในประเทศไทยเริ่มต้นตั้งแต่ BA.1 BA.2 แล้วเป็น BA.4- BA.5 ซึ่งสายพันธุ์ BA.5 ได้ระบาดผ่านพ้นไปแล้วและขณะนี้เป็น BA.2.75 ขณะเดียวกันในยุโรปและอเมริกา สายพันธุ์ต่างๆเกิดก่อนประเทศไทย และระบาดเข้าสู่ประเทศไทย สายพันธุ์ BA.2.75 ระบาดในยุโรปและอเมริกาเมื่อหลายเดือนก่อน ผ่านพ้นไปแล้ว ขณะนี้ในยุโรปและอเมริกา ได้เปลี่ยนเป็น เป็น BQ1และ BQ1.1 แต่ขณะเดียวกันในจีนขณะนี้ยังเป็นสายพันธุ์ในกลุ่ม BA.5 ตามหลังประเทศไทย ถ้านักท่องเที่ยวจีนเข้ามาสู่ประเทศไทยนำเชื้อโควิด 19 เข้ามา จะเป็นสายพันธุ์ที่เคยระบาดผ่านไปแล้วในประเทศไทย ตรงกันข้ามกับยุโรปและอเมริกา จะเป็นสายพันธุ์ที่ยังไม่เคยระบาดในประเทศไทย เรื่องของสายพันธุ์ในปัจจุบันนี้ ถ้ามาจากประเทศจีน จึงไม่น่าวิตกแต่อย่างใด เพราะของเราผ่านพ้นไปแล้ว ถ้าจะกลัวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ สายพันธุ์ที่ยังไม่มีในประเทศไทยโดยเฉพาะ BQ ที่จะมาจาก ประเทศทางตะวันตกยังน่ากลัวกว่า เราก็ไม่ได้ตรวจ และไม่สามารถบังคับให้ใส่หน้ากากอนามัยได้ด้วย
การเกิดสายพันธุ์ใหม่ สามารถเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ทุกแห่งในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน หรือทางตะวันตก แม้กระทั่งในอินเดีย แอฟริกา ก็เกิดได้ทั้งนั้น แต่ทั่วโลกขณะนี้ มีระบบการเฝ้าระวังด้วยการถอดรหัสพันธุกรรม เข้าธนาคารกลาง และทุกประเทศได้เรียนรู้ร่วมกัน ทำไมเราจึงต้องถอดรหัสพันธุกรรมอยู่ทุกวัน ห้องปฏิบัติการผมก็ทำอยู่ทุกวันเป็นการเฝ้าระวังสายพันธุ์ใหม่ เมื่อยังไม่รู้ว่าสายพันธุ์ใหม่ จะเกิดที่ประเทศใด ก็ไม่รู้จะไปป้องกันปิดกั้นชาติใด เพราะการป้องกันประเทศจีน ประเทศเดียวไม่ใช่เป็นวิธีการแก้ปัญหา อาจจะมาจากประเทศใดก็ได้
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> สล็อตฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา สล็อตเว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ เว็บสล็อตแท้ สล็อตเว็บตรง